การเฉลิมพระอิสริยยศและพระอิสริยศักดิ์ให้แก่เจ้านายและขุนนางเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ ในราชสำนักสยามที่สืบทอดมาตั้งแต่สมัยโบราณ โดยพระมหากษัตริย์จะพระราชทานเครื่องราชอิสริยยศแก่เจ้านายและขุนนางเพื่อแสดงถึงฐานานุศักดิ์และใช้ประกอบยศตำแหน่ง ตลอดจนเป็นบำเหน็จรางวัลความชอบ ในราชการแผ่นดิน สันนิษฐานว่าธรรมเนียมปฏิบัติดังกล่าวปรากฏหลักฐานชัดเจนในสมัยอยุธยา และได้ ปฏิบัติสืบทอดมาจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ แม้ว่าธรรมเนียมการพระราชทานเครื่องราชอิสริยยศถูกยกเลิกไปแล้ว แต่ในรัชกาลปัจจุบันยังมีการสถาปนาพระอิสริยยศและพระอิสริยศักดิ์ พร้อมทั้งมีการพระราชทานเครื่องประกอบพระอิสริยยศให้แก่เจ้านายชั้นสูงบางตำแหน่ง ตามธรรมเนียมปฏิบัติที่มีมาแต่โบราณ ซึ่งเรียกเครื่องประกอบพระอิสริยยศว่า "เครื่องราชอิสริยยศ” "เครื่องอิสริยยศ” หรือ "เครื่องยศ” (ซึ่งในบทความนี้จะใช้คำว่า "เครื่องอิสริยยศประเภทเครื่องราชูปโภค”) ปัจจุบันยังมีเครื่องอิสริยยศจัดแสดงให้ประชาชนได้ชม ณ ศาลาเครื่องราชอิสริยยศ เครื่องราชอิสริยาภรณ์ และเหรียญกษาปณ์ ในพระบรมมหาราชวัง
เครื่องอิสริยยศประเภทเครื่องราชูปโภค สร้างด้วยวัสดุมีค่า มีพื้นฐานและพัฒนามาจากเครื่องใช้สำหรับใส่หมากพลูหรือเครื่องอุปโภคที่ใช้ในชีวิตประจำวันของคนไทยในสมัยโบราณ เมื่อถูกนำมา เป็นเครื่องใช้สำหรับพระมหากษัตริย์หรือเครื่องใช้สำหรับเจ้านาย จึงเรียกกันว่า "เครื่องราชูปโภค”หรือ "เครื่องอุปโภค” คำว่า "เครื่องราชูปโภค” เป็นคำสนธิ มาจากคำว่า "ราชา” กับ "บริโภค” มีความหมายว่า "เครื่องใช้สอยของพระราชา” หรือ "เครื่องแสดงความเป็นพระมหากษัตริย์” นอกจากใช้เป็นเครื่องประกอบพระเกียรติของพระมหากษัตริย์แล้ว ยังใช้พระราชทานเป็นเครื่องประกอบพระอิสริยยศของเจ้านายและ ขุนนางตามตำแหน่งหน้าที่หรือมีความชอบต่อแผ่นดิน โดยเรียกเครื่องราชูปโภคหรือเครื่องอุปโภคเหล่านี้ว่า "เครื่องอิสริยยศ” หรือ "เครื่องยศ” ตามธรรมเนียมในราชสำนักไทยในสมัยโบราณ เจ้านายหรือขุนนางที่ได้รับพระราชทาน เครื่องอิสริยยศประเภทเครื่องราชูปโภค สามารถนำเครื่องยศเหล่านี้ไปตั้งเป็นเกียรติและ ใช้สอยเฉพาะพระพักตร์ภายในท้องพระโรงหรือในวาระโอกาสสำคัญ เครื่องยศเหล่านี้จะต้องนำส่งคืนเมื่อพ้นจากตำแหน่ง หรือทายาทนำส่งคืนภายหลังจากเสียชีวิตแล้ว ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๕) เริ่มมีการพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ตามแบบชาติตะวันตก ธรรมเนียม การพระราชทานเครื่องอิสริยยศแก่เจ้านายและขุนนางจึงค่อย ๆ เลือนหายไปจากสังคมไทย แต่ปัจจุบันยังคง มีการพระราชทานเครื่องอิสริยยศประเภทเครื่องราชูปโภคหรือเครื่องอุปโภคในกรณีพิเศษเท่านั้น (สำหรับบทความนี้จะใช้คำว่า "เครื่องราชูปโภค”) โดยจะขอกล่าวถึงเฉพาะเครื่องอิสริยยศประเภทเครื่องราชูปโภคสำหรับเจ้านายฝ่ายในสมัยรัตนโกสินทร์ในรัชกาลปัจจุบัน ที่จัดแสดง ณ ศาลาเครื่องราชอิสริยยศฯ เนื่องจากเป็นเครื่องอิสริยยศประเภทเครื่องราชูปโภคที่ยังมีการพระราชทานอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งคำว่า "ฝ่ายใน” นั้นเป็นการเรียกเจ้านายและข้าราชการที่เป็นสตรี ส่วนเจ้านายหรือข้าราชการที่เป็นบุรุษ เรียกว่า "ฝ่ายหน้า” ทั้งนี้ การพระราชทานเครื่องอิสริยยศประเภทเครื่องราชูปโภคสำหรับเจ้านายฝ่ายหน้า กับฝ่ายในมีธรรมเนียม การพระราชทานเครื่องราชูปโภคบางชนิดที่มีลักษณะแตกต่างกัน
การพระราชทานเครื่องประกอบพระอิสริยยศให้แก่เจ้านายและขุนนางสมัยรัตนโกสินทร์ สันนิษฐานว่ามีธรรมเนียมปฏิบัติและลักษณะรูปแบบการพระราชทานที่ได้รับอิทธิพลและสืบทอดกันตั้งแต่ สมัยอยุธยาตอนปลาย โดยปรับเปลี่ยนลักษณะและรูปแบบของเครื่องราชูปโภคตามความนิยมที่เกิดขึ้นใน แต่ละยุคสมัย สำหรับการพระราชทานเครื่องราชูปโภคเจ้านายฝ่ายในสมัยรัตนโกสินทร์ มีลักษณะ การพระราชทานที่สามารถสังเกตได้ ๒ ประการ ดังนี้
๑) ขันสรงพระพักตร์ (ขันล้างหน้า) และขันน้ำเสวย พร้อมจอกลอย เป็นเครื่องอิสริยยศสำหรับใช้พระราชทานเฉพาะฝ่ายในเท่านั้น
๒) ในชุดพานพระศรีสำหรับฝ่ายในโดยทั่วไป มีเครื่องอุปโภคที่ใช้สำหรับพระราชทานฝ่ายใน ได้แก่ ผอบทรงกลม จอกหมากทรงกลม และซองพลู
ในรัชกาลปัจจุบันมีการพระราชทานเครื่องอิสริยยศ ๒ กรณี คือ พระราชทานแก่พระบรมวงศานุวงศ์หรือเจ้านายชั้นสูงในโอกาสที่ได้รับสถาปนาพระอิสริยยศศักดิ์ให้สูงขึ้นตามโบราณราชประเพณี รวมทั้ง ยังมีการพระราชทานเครื่องอิสริยยศประเภทเครื่องราชูปโภคแก่เจ้านายฝ่ายในที่ได้รับการสถาปนาพระอิสริยศักดิ์ให้สูงขึ้น นอกจากนี้ยังพระราชทานเป็นเครื่องประกอบเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า โดยผู้ได้รับพระราชทานสามารถถ่ายภาพไว้เป็นเกียรติยศเท่านั้น มิได้ นำไปเก็บรักษาหรือนำไปใช้ต่อหน้า พระพักตร์หรือในโอกาสสำคัญเหมือนในสมัยโบราณอีกต่อไป
เครื่องราชอิสริยยศประเภทเครื่องราชูปโภคเจ้านายฝ่ายในที่จัดแสดง ณ ศาลาเครื่องราชอิสริยยศ เครื่องราชอิสริยาภรณ์ และเหรียญกษาปณ์
เครื่องราชอิสริยยศประเภทเครื่องราชูปโภคเจ้านายฝ่ายในที่จัดแสดงให้ประชาชนได้ชม ณ ศาลาเครื่องราชอิสริยยศ เครื่องราชอิสริยาภรณ์ และเหรียญกษาปณ์ ภายในพระบรมมหาราชวัง มีดังนี้
๑. เครื่องประกอบพระอิสริยยศสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
๑.๑) พานกลีบบัวทองคำลงยา จำนวน ๑ ชิ้น
๑.๒) ซองพลูทองคำลงยา จำนวน ๑ ชิ้น
๑.๓) ผอบทรงกลมทองคำลงยา จำนวน ๓ ชิ้น
๑.๔) จอกหมากทองคำลงยา จำนวน ๒ ชิ้น
๑.๕) ตลับภู่ทองคำลงยาพร้อมไม้แคะพระกรรณทองคำ และไม้แคะพระทนต์ทองคำ จำนวน ๑ ชิ้น
๑.๖) มีดด้ามหุ้มทองคำลงยา จำนวน ๑ ชิ้น
๒.๑) ขันน้ำเสวยทองคำลงยา จำนวน ๑ ชิ้น
๒.๒) พานกลีบบัวทองคำลงยา จำนวน ๑ ชิ้น
๒.๓) จอกลอยทองคำลงยา จำนวน ๑ ชิ้น
๓.๑) หีบพระศรีทองคำลงยาฝาหีบประดับเพชรซีก จำนวน ๑ ชิ้น
๓.๒) ตลับทองคำลงยา จำนวน ๓ ชิ้น
๓.๓) พานกลีบบัวทองคำลงยา จำนวน ๑ ชิ้น
๔.๑) ขันสรงพระพักตร์ทองคำลงยา จำนวน ๑ ชิ้น
๔.๒) พานรองขันสรงพระพักตร์ทองคำลงยา จำนวน ๑ ชิ้น
๕.๑) กาทรงกระบอกทองคำลายสลัก จำนวน ๑ ชิ้น
๕.๒) ถาดรองกาทองคำลายสลัก จำนวน ๑ ชิ้น
๖.๑) ป้านชาทองคำลายสลัก จำนวน ๑ ชิ้น
๖.๒) จานรองทองคำลายสลัก จำนวน ๑ ชิ้น
๖.๓) จุ๋นทองคำลายสลัก จำนวน ๑ ชิ้น
๖.๔) ถาดที่ชาทองคำลายสลัก จำนวน ๑ ชิ้น
๖.๕) ถ้วยฝาหยก จำนวน ๑ ชิ้น
จากรายการข้างต้นพบว่า เครื่องประกอบพระอิสริยยศชุดนี้สร้างด้วยทองคำและวัสดุมีค่า ส่วนใหญ่เป็นเครื่องราชูปโภคทองคำลงยา ตกแต่งด้วยการสลักดุนลายลงยา บางชิ้นมีการประดับอัญมณีที่พื้นผิวหรือขอบภาชนะ ด้วยฝีมือช่างทองหลวงในสมัยรัชกาลที่ ๕ มีการตกแต่งพื้นผิวด้วยเทคนิคการลงยา สีชมพู และลงยาสีเต็มพื้นลาย อันเป็นลักษณะเฉพาะของเทคนิคการลงยาสีในสมัยรัชกาลที่ ๕ เช่นเดียวกัน ส่วนชิ้นที่ไม่มีการลงยาหรือใช้วัสดุอื่น ได้แก่ กาทรงกระบอกพร้อมถาดรอง ปั้นชาพร้อมจานรอง ถ้วยฝาหยก จุ๋น (จานรองถ้วยฝาหยก) และถาดรองชุดที่ชา เนื่องจากเป็นเครื่องราชูปโภคที่ต้องสัมผัสความร้อนหรือของร้อน ซึ่งลักษณะเครื่องประกอบพระราชอิสริยยศชุดนี้ใช้สำหรับพระราชทานเจ้านายในขัตติยราชสกุลตั้งแต่ชั้นพระองค์เจ้าต่างกรม ชั้นสมเด็จกรมพระยาขึ้นไป จนถึงสมเด็จพระอัครมเหสีหรือเจ้านายฝ่ายใน ชั้นเจ้าฟ้า
ลักษณะเทคนิคและลวดลายที่ปรากฏบนเครื่องประกอบพระอิสริยยศสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประกอบด้วย
๑) เทคนิคการสลักดุนลายลงยาสีชมพู เป็นเทคนิคหลักที่ปรากฏในเครื่องประกอบ พระอิสริยยศชุดนี้ ได้แก่ ชุดพานพระศรี ชุดขันน้ำเสวยพร้อมพานรองและจอกลอย และพระสุพรรณศรีหรือบ้วนพระโอษฐ์ ตกแต่งด้วยลายเครือเถาดอกรำเพยและผลทับทิม และลายดอกไม้และใบไม้
๒) เทคนิคการสลักร่องลายลงยา พบในหีบหมากทองคำพร้อมตลับ ๓ ใบเถา และขันสรงพระพักตร์ ตกแต่งด้วยลายก้านต่อดอกใบเทศ
๓) เทคนิคการสลักดุนลายลงยา ปรากฏบนพานรองหีบหมาก และพานรองขันสรงพระพักตร์ ตกแต่งด้วยลายก้านต่อดอกใบเทศ
๔) เทคนิคการสลักดุนลาย ปรากฏในเครื่องอุปโภคที่สัมผัสของร้อน เช่น ชุดที่ชาทองคำ ลายสลัก กาทรงกระบอกทองคำลายสลักพร้อมถาดรองทองคำลายสลัก ตกแต่งด้วยลายดอกไม้และใบไม้ และลายดอกพุดตานใบเทศ
นอกจากนี้ ลักษณะ รูปแบบ และลวดลายบางอย่างได้รับอิทธิพลจีนเข้ามาผสมผสานอย่างลงตัว ได้แก่ กาทรงกระบอก ถ้วยฝาหยก ปั้นชา รวมทั้งลวดลายที่ตกแต่งบนพื้นผิว น่าจะได้รับอิทธิพลจากคติความเชื่อของจีน ซึ่งลายดอกไม้และผลทับทิมมีความหมายมงคลเกี่ยวกับการอวยพรให้มีความสุข สมหวัง และมีบุตรเร็ววัน และพบลักษณะลวดลายนี้เฉพาะเครื่องราชูปโภคที่ใช้เป็นเครื่องอิสริยยศฝ่ายในเท่านั้น สันนิษฐานว่า เครื่องราชูปโภคแต่ละชิ้นในเครื่องประกอบพระอิสริยยศชุดนี้ ส่วนใหญ่สร้างขึ้น ในสมัยรัชกาลที่ ๕ และนอกจากนี้ ลวดลายลักษณะนี้ถูกกำหนดใช้สำหรับตกแต่งบนเครื่องอิสริยยศประเภทเครื่องราชูปโภคสำหรับพระราชทานเจ้านายฝ่ายในเท่านั้น
๒. เครื่องประกอบพระอิสริยยศพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชา ทินัดดามาตุ
พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ได้รับพระราชทาน เครื่องประกอบพระอิสริยยศชุดนี้ เมื่อทรงได้รับพระราชทานสถาปนาพระอิสริยยศและพระอิสริยศักดิ์ ให้สูงขึ้น ตามจารึกในพระสุพรรณบัฏว่า "พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ” ในฐานะพระมารดาของพระราชนัดดาพระองค์แรกของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยได้รับพระราชทาน เครื่องอิสริยยศประเภทเครื่องราชูปโภคในฐานะเจ้านายฝ่ายใน เมื่อวันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๓๔ ประกอบด้วยเครื่องราชูปโภค จำนวน ๑๘ ชิ้น ได้แก่
๑.๑) พานทองคำลายสลัก จำนวน ๑ ชิ้น
๑.๒) ผอบทรงเหลี่ยมทองคำลายสลัก จำนวน ๒ ชิ้น
๑.๓) มังสีทองคำลายสลัก (จอกหมากปากกลีบบัวแฉก) จำนวน ๒ ชิ้น
๑.๔) ซองพลูทองคำลายสลัก จำนวน ๑ ชิ้น
๑.๕) ซองบุหรี่ทองคำลายสลัก จำนวน ๑ ชิ้น
๑.๖) มีดด้ามหุ้มทองคำลายสลัก จำนวน ๑ ชิ้น
๑.๗) ตลับภู่ทองคำลายสลัก จำนวน ๑ ชิ้น
๔.๑) กากระบอกทองคำลายสลัก จำนวน ๑ ชิ้น
๔.๒) ถาดรองกาทองคำลายสลัก จำนวน ๑ ชิ้น
๕.๑) ขันน้ำเสวยทองคำลายสลัก จำนวน ๑ ชิ้น
๕.๒) พานรองขันน้ำเสวยทองคำลายสลัก จำนวน ๑ ชิ้น
๕.๓) จอกลอยทองคำขอบสลักลาย จำนวน ๑ ชิ้น
๖.๑) ขันสรงพระพักตร์ทองคำลงยา จำนวน ๑ ชิ้น
๖.๒) พานรองขันสรงพระพักตร์ทองคำลงยา จำนวน ๑ ชิ้น
เครื่องประกอบพระอิสริยยศชุดนี้ส่วนใหญ่เป็นเครื่องราชูปโภคทองคำลายสลัก ตามลักษณะ ธรรมเนียมการพระราชทานเป็นเครื่องประกอบพระอิสริยยศเจ้านายระดับชั้นพระองค์เจ้า หรือ สำหรับพระราชทานตั้งแต่พระองค์เจ้าต่างกรมชั้นกรมพระลงมาถึงราชสกุล ผู้มีบรรดาศักดิ์เป็นพระยา และ มีเครื่องอุปโภคบางชิ้นที่แสดงถึงลักษณะของเครื่องประกอบพระอิสริยยศเจ้านายฝ่ายในอย่างชัดเจน ได้แก่ ขันน้ำเสวย และขันสรงพระพักตร์ เป็นต้น
มีข้อสังเกตว่า เครื่องประกอบพระอิสริยยศชุดนี้มีลักษณะการตกแต่งด้วยเทคนิคและลวดลาย ดังนี้
๑) เทคนิคการสลักดุนลาย พบลักษณะการตกแต่งด้วยเทคนิคนี้เป็นส่วนใหญ่ ได้แก่ ชุดพานพระศรีทองคำลายสลัก กาน้ำทรงกระบอกทองคำลายสลักพร้อมถาดรองกาทองคำลายสลัก ขันน้ำเสวยทองคำ ขอบสลักลายพร้อมพานรองทองคำลายสลักและจอกลอยทองคำ พระสุพรรณศรีทองคำ ลายสลัก ตกแต่งด้วยลายดอกพุดตานใบเทศ และลายดอกไม้และใบไม้
๒) เทคนิคการสลักดุนลายลงยา พบเป็นส่วนน้อยมีเครื่องประกอบพระอิสริยยศเพียงบางชิ้นเท่านั้น ได้แก่ หีบพระศรีทองคำลงยา ลายกุดั่นประดับพรรณพฤกษา พานรองขันสรงพระพักตร์ทองคำลงยา ลายก้านต่อดอกใบเทศ
๓) เทคนิคการสลักร่องลายลงยา พบในเครื่องประกอบพระอิสริยยศเพียงชิ้นเดียว คือ ขันสรงพระพักตร์ทองคำลงยา ลายก้านต่อดอกใบเทศ
นอกจากนี้ เครื่องประกอบพระอิสริยยศประเภทเครื่องราชูปโภคชุดนี้ยังมีลักษณะพิเศษ ที่แตกต่างจากเครื่องประกอบพระอิสริยยศเจ้านายระดับชั้นพระองค์เจ้าฝ่ายในทั่วไป ๒ ประการ คือ
ประการแรก เครื่องประกอบพระอิสริยยศชุดนี้บางชิ้นเป็นเครื่องราชูปโภคทองคำลงยา พบทั้งหมดจำนวน ๓ ชิ้น ได้แก่ หีบหมากทองคำลงยาหุ้มไม้แดง ขันสรงพระพักตร์ทองคำลงยาและพานรองขันสรงพระพักตร์ทองคำลงยา
ประการที่สอง เครื่องประกอบชุดพานพระศรีมีลักษณะเดียวกับเครื่องประกอบพระอิสริยยศเจ้านายฝ่ายหน้า ได้แก่ ผอบทรงเหลี่ยมทองคำลายสลัก ซองบุหรี่ทองคำลายสลัก และมังสีทองคำลายสลัก
จากลักษณะพิเศษดังกล่าวข้างต้น จึงพอสันนิษฐานได้ว่า เครื่องประกอบพระอิสริยยศชุดนี้เป็นการพระราชทานเครื่องประกอบพระอิสริยยศในการสถาปนาพระอิสริยศักดิ์ให้ต่างจากเจ้านายฝ่ายใน ชั้นพระองค์เจ้าโดยปกติทั่วไป และเป็นตำแหน่งที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในราชสำนักไทย จึงมีการพระราชทานเครื่องประกอบอิสริยยศให้แตกต่างจากเครื่องราชูปโภคของเจ้านายในระดับชั้นเดียวกัน ตามธรรมเนียมปกติทั่วไป ได้แก่ หีบหมากทองคำลงยา ขันสรงพระพักตร์ทองคำลงยา และพานรองขันสรงพระพักตร์ทองคำลงยา และมีการพระราชทาน เครื่องประกอบพระอิสริยยศในชุดพานพระศรีบางชนิด มีลักษณะเดียวกับเครื่องประกอบพระอิสริยยศเจ้านายฝ่ายหน้า ได้แก่ ผอบทรงเหลี่ยมทองคำลายสลัก ซองบุหรี่ทองคำลายสลัก และมังสีทองคำลายสลัก ดังนั้นเครื่องราชูปโภคเหล่านี้แสดงให้เห็นลักษณะพิเศษที่แตกต่างจากเครื่องประกอบพระอิสริยยศเจ้านาย ฝ่ายในชั้นพระองค์เจ้าตามธรรมเนียมปกติทั่วไป นอกจากนี้เมื่อพิจารณาจากลักษณะเทคนิคและลวดลายของเครื่องประกอบพระอิสริยยศชุดนี้ พอสันนิษฐานว่าเครื่องราชูปโภคแต่ละชิ้นมีอายุสมัยแตกต่างกัน และไม่ได้สร้างขึ้นพร้อมกันในคราวเดียว
เครื่องประกอบพระอิสริยยศประเภทเครื่องราชูปโภคของเจ้านายฝ่ายในที่จัดแสดง ณ ศาลาเครื่องราชอิสริยยศฯ ทั้งสองชุดดังกล่าวข้างต้น สร้างด้วยวัสดุมีค่าโดยฝีมือช่างทองหลวงสมัยรัตนโกสินทร์ เป็นเครื่องแสดงพระเกียรติและตอบแทนคุณความดีที่มีต่อแผ่นดิน ตลอดจนแสดงถึงความเป็นขัตติยนารี ในคราวสถาปนาพระอิสริยศักดิ์ให้สูงขึ้น ตามรูปแบบการพระราชทานเครื่องประกอบพระอิสริยยศเจ้านาย ฝ่ายในที่ปฏิบัติสืบทอดต่อกันมาแต่โบราณได้อย่างชัดเจน รวมทั้งยังเป็นหลักฐานทางศิลปวัฒนธรรมที่สะท้อนให้เห็น ขนบธรรมเนียม ประเพณีในราชสำนัก และงานช่างฝีมือชั้นสูงในสมัยรัตนโกสินทร์ได้เป็นอย่างดี ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการศึกษาประวัติศาสตร์และประวัติศาสตร์ศิลปะต่อไป อันเป็นมรดกของบรรพชนไทย ที่ตกทอดมาและนำความภาคภูมิใจมาสู่อนุชนคนไทยจนถึงปัจจุบัน