พระพุทธรูปเป็นศาสนวัตถุอันเกิดจากความเชื่อและความศรัทธา คติในการสร้างพระพุทธรูปนั้นอาจสื่อได้ถึงหลักคิด ๒ ประการ คือ ตถาคตโพธิสัทธา เชื่อในการตรัสรู้ในอริยสัจของพระพุทธเจ้า๑ และพระพุทธรูปนั้นยังจัดเป็นอุเทสิกเจดีย์ คือตัวแทนของพระพุทธเจ้า๒ ด้วยคติดังกล่าวส่งผลให้มีการสร้างพระพุทธรูปขึ้นมาก ในสังคมไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระพุทธรูปที่พระมหากษัตริย์หรือชนชั้นผู้ปกครองทรงสร้าง หรือมีพระราชศรัทธาเป็นพิเศษ จะได้รับความสำคัญและเพิ่มความเลื่อมใสของพุทธศาสนิกชนมากยิ่งขึ้น ดังเช่นพระพุทธชินสีห์ พระพุทธรูปสำคัญองค์หนึ่งของไทย ซึ่งมีความเป็นมาสัมพันธ์กับสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทยมาอย่างช้านาน ทำให้องค์พระกลายเป็นที่เคารพศรัทธาบูชายิ่งมาจน ณ ปัจจุบัน ความสำคัญดังกล่าวส่งผลให้มีการจำลองภาพพระพุทธชินสีห์ลงบนหน้าเหรียญที่ระลึกแต่สมัยรัชกาลที่ ๕ เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
พระพุทธชินสีห์ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร กรุงเทพมหานคร ตามพงศาวดารเหนือระบุว่า พญาลิไทแห่งกรุงสุโขทัยโปรดให้สร้างองค์พระพุทธชินสีห์ขึ้นพร้อมกับพระพุทธชินราช และพระศรีศาสดา ราว พ.ศ. ๑๙๐๐ เดิมประดิษฐานที่พระวิหารทิศเหนือ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ เมืองพิษณุโลก๓ ครั้นถึงต้นกรุงรัตนโกสินทร์ พ.ศ. ๒๓๗๒ สมเด็จพระบวรราชเจ้า กรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพได้อัญเชิญองค์พระจากเมืองพิษณุโลกมาประดิษฐานยังมุขหลังพระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร พ.ศ. ๒๓๙๒ วชิรญาณภิกขุ ซึ่งต่อมาได้เถลิงถวัลย์ราชสมบัติเป็นพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ได้อัญเชิญมาประดิษฐาน ยังมุขหน้าหรือบริเวณภายในพระอุโบสถ เบื้องหน้าพระพุทธสุวรรณเขต พร้อมทั้งทรงโปรดให้กะไหล่พระรัศมีใหม่ด้วยทองคำ ฝังเพชรที่พระเนตรและพระอุณาโลม พร้อมทั้งปิดทองทั้งองค์ ในปี พ.ศ. ๒๓๙๔ ทรงโปรดให้แผ่ทองคำลงยาราชาวดี๔ ประดับพระรัศมี พร้อมทั้งทรงถวายฉัตรตาด ๙ ชั้น ผ้าทรงสะพักพาด ต้นไม้เงินและต้นไม้ทอง พ.ศ. ๒๓๙๘ ทรงโปรดให้หล่อฐานด้วยสำริด พร้อมทั้งปิดทองทั้งฐานและองค์พระใหม่ ในการนี้ทรงโปรดให้สมโภช ๕ วัน ในปี พ.ศ. ๒๔๐๙ ทรงโปรดให้สมโภชอีกครั้ง ภายหลังเสด็จกลับจากนมัสการพระพุทธชินราช ครั้งนี้ได้ทรงถวายพระธำมรงค์หยกสวมนิ้วพระอังคุฐซ้าย และถวายเงิน ๕๐ ชั่ง๕
ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๓๔ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ได้ทรงโปรดเกล้า ให้ปิดทองและสมโภชขึ้นในคราวเดียวกับการฉลองพระอารามที่ทรงปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ เมื่อคราวประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระองค์เสด็จพระราชดำเนิน เลียบพระนครทางสถลมารค ทรงนมัสการและถวายต้นไม้เงินต้นไม้ทองแด่องค์พระพุทธชินสีห์ ภายหลังพระองค์เสด็จสวรรคตจึงได้ประดิษฐานพระบรมราชสรีรางคารในฐานพุทธบัลลังก์องค์พระพุทธชินสีห์๖ และบัญญัติให้ วัดบวรนิเวศวิหารได้เป็นวัดประจำรัชกาลของพระองค์ แสดงให้เห็นถึงพระราชศรัทธาส่วนพระองค์ในราชวงศ์จักรี ที่มีต่อพระปฏิมาองค์นี้ยิ่ง โดยเฉพาะในวันบำเพ็ญพระกุศลประกอบพระราชพิธีทอดผ้าพระกฐินพระราชทานองค์พระพุทธชินสีห์จะมีการเปลี่ยนพระเมาลีพิเศษที่ลงยาสีเป็นประจำทุกปี
พระพุทธชินสีห์ขณะทรงพระเมาลีลงยา
เป็นพระพุทธรูปสำริด ปางมารวิชัย ขนาดหน้าตักกว้าง ๒.๘๐ เมตร สูง ๓.๗๒ เมตร ศิลปะสุโขทัย สกุลช่างพิษณุโลก ถูกจัดอยู่ในแบบพระพุทธรูปหมวดพระพุทธชินราชซึ่งมีลักษณะพิเศษ คือ พระพักตร์เป็นรูปรีกับพระวรกายอวบอ้วนมากกว่าแบบสุโขทัย และมีนิ้วพระหัตถ์ทั้งสี่ยาวเสมอกัน๗ ส่วนนามของพระปฏิมาองค์นี้นั้น มาจากการสมาสของคำว่า ชินะ และ สีหะ อันแปลความได้ว่า ผู้มีชัยอย่างราชสีห์ ซึ่งสื่อถึงพระนามของพระพุทธเจ้าในฐานะมหาบุรุษ พุทธลักษณะดังกล่าวนี้ได้สร้างความเลื่อมใสให้กับผู้ที่พบเห็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระมหากษัตริย์ทรงศรัทธาเลื่อมใสในฐานะองค์อัครศาสนูปถัมภก ประกอบกับองค์พระมีความเป็นมาที่ยาวนาน ทำให้มีการจำลององค์พระพุทธชินสีห์ไปสักการะบูชาในรูปแบบต่าง ๆ ตามความเหมาะสม เช่น องค์พระพุทธชินสีห์จำลองแบบลอยองค์ วัตถุมงคลพระพุทธชินสีห์ชนิดต่าง ๆ เป็นต้น
พระภิกษุพระบามสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ (ภูมิพโลภิกขุ) ขณะทรงผนวชทรงประทับภายในพระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร เบื้องหน้าพระพุทธสุวรรณเขตพระพุทธชินสีห์
พระพุทธชินสีห์บนเหรียญที่ระลึก
๑. เหรียญที่ระลึกทรงสมโภชเมื่อเสด็จกลับจากยุโรป ครั้งที่ ๑ พ.ศ. ๒๔๔๐
ภาพพระพุทธชินสีห์ปรากฏครั้งแรกบนเหรียญที่ระลึกทรงสมโภชเมื่อเสด็จกลับจากยุโรป ครั้งที่ ๑ พ.ศ.๒๔๔๐ ทรงกลม ขอบเรียบ ที่มาภาพ: ชัชวาล วูวนิช และคณะ เหรียญบนแผ่นดิน ร.๕ กรุงเทพฯ คอมมอนเซนซ์ ดีไซน์แอนด์พริ้นท์ ๒๕๔๙
ภาพพระพุทธชินสีห์ปรากฏครั้งแรกบนเหรียญที่ระลึกทรงสมโภชเมื่อเสด็จกลับจากยุโรป ครั้งที่ ๑ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๐ มี ๒ แบบ แบบที่ ๑ ทรงกลม ขอบเรียบ เส้นผ่าศูนย์กลาง ๔๒ มิลลิเมตร ด้านหน้าเป็นรูปพระพุทธชินสีห์ประดิษฐานบนแท่นขาสิงห์ตรงกลางลายเส้นใบโพธิ์ ส่วนล่างมีข้อความว่า "พระพุทธชินสีห์” ด้านหลัง ส่วนบนเป็นรูปอุณาโลม และมีข้อความว่า "งารสมโภช เมื่อเสดจกลับ จากยุโรป ๒๔๔๐ ซึ่งสันนิษฐานว่า เป็นเหรียญที่พิมพ์ลองแบบก่อนจะมาตัดขอบภายหลัง แบบที่ ๒ มีลักษณะเป็นเหรียญรูปใบโพธิ์ที่ตัดขอบเรียบร้อยแล้ว ขนาดกว้าง ๒๙ มิลลิเมตร ยาว ๓๔ มิลลิเมตร ทั้งสองแบบผลิตจากโลหะเงินกะไหล่ทอง เงิน และทองแดง สั่งผลิตจากต่างประเทศ๘ จึงมีลายเส้นที่คมชัด งดงาม และยังมีความสำคัญคือเป็นเหรียญที่ปรากฏภาพพระพุทธรูป เหรียญแรกของประเทศไทย สันนิษฐานว่ามีจุดมุ่งหมายในการสร้าง ๓ ประการ คือ
ความสำคัญของพระพุทธชินสีห์ถูกนำมาสร้างเหรียญอีกครั้งในปี พ.ศ. ๒๔๔๗ เรียกว่าเหรียญพระราชทานตั้งโต๊ะ วัดบวรนิเวศวิหาร หรือเหรียญพระพุทธชินสีห์ ลักษณะเหรียญเป็นรูปคล้ายเปลวเพลิง ขนาดกว้าง ๒๗ มิลลิเมตร ยาว ๓๒ มิลลิเมตร ทั้งยังพบว่ามีการเจาะหูเชื่อมสำหรับร้อยห่วงในบางเหรียญด้วย ด้านหน้าเป็นรูปพระพุทธชินสีห์ประดิษฐานบนอาสนะบัวคว่ำบัวหงายฐานสิงห์อยู่กลางเหรียญ ด้านซ้ายมีอักษรว่า "พระพุทธ” ด้านขวามีอักษรว่า "ชิณสีห์” ด้านหลังเป็นอักษรว่า "ที่รฤกตั้งโตะในการเสด็จพระราชทานกฐิน วัดบวรนิเวศวิหาร ๑/๘/๑๒๓” ผลิตจากโลหะเงิน ทองแดง และทองแดงกะไหล่ทอง สันนิษฐานว่าสร้างขึ้น เพื่อพระราชทานแก่ผู้ชนะในการประกวดงานตั้งโต๊ะเครื่องบูชา ซึ่งก็คือการประกวดโดยนำเครื่องเคลือบลายคราม ที่สั่งจากจีน นำมาจัดโต๊ะหมู่บูชาเป็นชุด ๆ เนื่องจากในช่วงดังกล่าวเป็นที่นิยมกันในหมู่ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ คหบดี นักสะสมของเก่า ตลอดจนนักเล่นเครื่องลายครามและเครื่องตั้งโต๊ะ๑๒ จุดมุ่งหมายอีกประการหนึ่ง คือ เป็นสิ่งที่ระลึก ในการเสด็จ ฯ พระราชทานกฐิน ณ วัดบวรนิเวศวิหาร ซึ่งสันนิษฐานว่า รัชกาลที่ ๕ หรือพระบรมวงศานุวงศ์ผู้แทนพระองค์ได้เสด็จมาในการพระราชพิธีดังกล่าวขึ้นในวันที่ ๑ สิงหาคม ร.ศ. ๑๒๓ ซึ่งตรงกับปี พ.ศ. ๒๔๔๗
เหรียญพระพุทธชินสีห์ที่ผลิตขึ้นในครั้งนี้ จึงเป็นเหรียญที่ระลึกอันมีจุดมุ่งหมายในการสร้างร่วมสมัยกับเหตุการณ์และสถานที่ สะท้อนถึงธรรมเนียมนิยมในสังคมในการสะสมของแบบจีน และพระราชพิธีอันเกี่ยวเนื่องกับพระพุทธศาสนาไทยได้เป็นอย่างดี
การจัดสร้างเหรียญในครั้งนี้ได้จำลองภาพพระพุทธชินสีห์ประดิษฐานตรงกลางใบโพธิ์มาใช้อีกครั้ง แต่ต่างกันที่ครั้งนี้ องค์พระประดิษฐานบนฐานบัวคว่ำบัวหงายเท่านั้น ผลิตขึ้นเพื่อเป็นวัตถุมงคลบูชาของพสกนิกรชาวไทย และแสดงพระบุญญาธิการ๑๓ ในฐานะองค์เอกอัครศาสนูปถัมภกของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพล อดุลยเดช ร.๙ ในวาระเฉลิมฉลองพระราชพิธีกาญจนาภิเษก ทรงครองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี ลักษณะเหรียญเป็นรูปรี ขอบเรียบ ด้านหน้าเป็นพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงผินพระพักตร์เบื้องขวา ชิดวงขอบเหรียญด้านบนมีข้อความว่า "ภูมิพลอดุลยเดช บรมราชาธิราช” ส่วนด้านหลังเป็นภาพพระพุทธชินสีห์ ด้านล่างมีเครื่องหมายโรงกษาปณ์ ข้อความว่า "๒๕๓๙”"พระพุทธชินสีห์” ตามลำดับ ชิดวงขอบเหรียญด้านบนมีข้อความว่า "สร้างถวายในพระราชพิธีกาญจนาภิเษก” ชุดเหรียญที่ระลึกนี้ผลิตด้วยโลหะ ๓ ชนิด ได้แก่ ทองคำ เงิน และทองแดง จำนวนรวม ๔๑๒,๐๐๐ เหรียญ การจัดสร้างเหรียญครั้งนี้ได้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของพระพุทธชินสีห์ในฐานะ ๑ ใน ๕ พระพุทธรูปที่สำคัญและเป็นที่นิยมสักการะของประชาชนชาวไทย ณ ช่วงเวลาปัจจุบัน จึงถูกคัดเลือกนำมาเป็นต้นแบบในการจัดสร้างเหรียญที่ระลึกในโอกาสมหามงคลนี้
ภาพจำลองพระพุทธชินสีห์ยังได้รับความนิยมมาโดยลำดับ เนื่องจากมีการนำภาพหรือแบบจำลององค์พระพุทธชินสีห์มาสร้างในวาระโอกาสสำคัญต่าง ๆ อีก เช่น เหรียญพระพุทธชินสีห์ใบมะขาม ในโอกาสฉลองพระชนมายุครบ ๗ รอบ ๘๔ พรรษา สมเด็จพระสังฆราชเจ้ากรมหลวงวชิรญาณวงศ์ พ.ศ. ๒๔๙๙ เหรียญที่ระลึกในการเสด็จพระราชดำเนินนิวัติจากการเสด็จพระราชดำเนินเยือนสหรัฐอเมริกาและยุโรป ๑๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๐๔ เหรียญพระพุทธชินสีห์ พ.ศ. ๒๕๑๖ เหรียญ ญสส ที่ระลึกฉลองสมณศักดิ์เจ้าประคุณสมเด็จพระญาณสังวร เป็นต้น
จึงกล่าวได้ว่าพระพุทธชินสีห์นั้น เป็นพระพุทธรูปสำคัญของไทย ที่มีพุทธลักษณะงดงามตามแบบศิลปะสุโขทัย สกุลช่างพิษณุโลก มีความเป็นมาแต่อดีตอันยาวนาน ประกอบกับเป็นที่พระราชศรัทธายิ่งขององค์พระมหากษัตริย์ในยุครัตนโกสินทร์ องค์พระประดิษฐานอยู่ภายในวัดสำคัญอันเป็นศูนย์กลางการปกครองของคณะสงฆ์ไทยมาอย่างยาวนาน ในฐานะที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราชเจ้าและพระสังฆราชหลายพระองค์ภาพขององค์พระพุทธชินสีห์จึงมีโอกาสผ่านสายตาพุทธศาสนิกชน ภาพแห่งความศรัทธาจึงถูกผลิตซ้ำได้อย่างต่อเนื่อง